วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2550

จดหมายรักฉบับสุดท้าย (ของคนอื่น)


เจ้าหญิงจ๊ะ

จริงๆเมื่อวานอ่านรวมเรื่องสั้นของนักเขียนหลาย ๆ คนด้วย อ่านแล้วก็... ไม่ค่อยชอบแฮะ คือเรื่องแต่ละเรื่องมันจะซ้ำๆ หยาบๆ แล้วมันก็มีการปรุงแต่งเเละพยายามจะให้ดีให้เท่เยอะน่ะจ้ะ เราคิดว่า นักเขียนแนวๆนี้ บางทีมีความอยากเป็นนักเขียนมากกว่าอยากเขียน ดูแล้วก็รู้ว่าเป็นนักเขียนที่..อ่านน้อย (ดูถูกเขาไปไหม) และมุ่งมั่นที่จะเขียนงานของตนเองถ่ายเดียว เพื่อให้ส่งไปประกวดได้รางวัลโน่นนี่ แล้วก็เอามาต่อท้ายเกียรติประวัติของตนตรงท้ายเล่มซึ่งมันก็..ไม่ค่อยมีความหมายนะ สำหรับผู้อ่านฉลาดๆ อย่างเรา

นอกจากนี้ มันยังขาดพลังของอารมณ์ที่คิดว่า มันต้องเขียนออกมานะ เพราะถ้าไม่เขียนแล้วข้างในจิตใจมันจะแย่ มันจะระเบิด เหมือนกับงานของหลายๆคนที่เราอ่านแล้วรู้สึกยิ่งกว่ารู้สึกโดนยิ่งกว่าโดนน่ะจ้ะ มันเลยเฝือๆแฮะ

เวลาซื้อหนังสือมาแล้ว รู้สึกว่าหนังสือบางเล่มช่างไม่คู่ควรกับผู้อ่านอย่างเรา (ฮา ผู้อ่านคนนี้เชิดหยิ่งมากๆ) ก็อยากเอาไปคืนและขอเปลี่ยนเล่มใหม่มานะจ๊ะ เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่ซื้อหนังสือไป แต่ในเมื่อคงทำไม่ได้ ก็คิดว่า ไม่ต้องทนอ่านให้จบดีกว่า เพราะถ้าอ่านคงจะไม่คุ้มค่ากับอารมณ์ สายตาและเวลาของผู้อ่าน (สวยเริ่ดเชิดหยิ่ง) คนนี้ เอาเวลาไปตะไบเล็บดีกว่า

วันนี้เปิดเมล์บ็อกซ์ของที่ทำงานน่ะจ้ะ พบจดหมายจากคุณอรรถ ซึ่งเป็นชายไทยสมรสกับหญิงอังกฤษ สองคนนี้ทำมูลนิธิซึ่งร่วมงานกับองค์กรของเรา คุณเอมมาป่วยเป็นมะเร็งน่ะจ้ะ ทราบข่าวเมื่อซักต้นปี จากนั้นก็อาการรุนแรง จนเพิ่งเสียชีวิต อ่านจดหมายเขาแล้วก็...แม้ว่าจะไม่ได้ฟูมฟายอะไรนะจ๊ะ แต่เราก็รู้สึกว่ามันสวยและจริงแท้(เพราะว่ามันเป็นเรื่องจริงของจริงน่ะสิจ๊ะ) เลยแปลมาให้อ่านดูน่ะจ้ะ

ถึงเพื่อนๆ ของเอมมา

วันที่ 20 พฤศจิกายน เวลา 7:30 ภรรยาที่รักและคู่ชีวิตตายในอ้อมกอดของผม

หลังจากที่เราได้รับข่าวร้ายว่า มะเร็งของเธอลุกลาม และทราบว่าโรคของเธอเปลี่ยนจากโรคที่รักษาได้เป็นอาการระยะสุดท้าย เราก็ย้ายมาอังกฤษด้วยความหวังว่า ลูกสาวของเราจะได้มีโอกาสเติบโตขึ้นในแวดล้อมของครอบครัวของเอมมา และว่าเอมมากับผมจะมีโอกาสที่จะต่อสู้มะเร็งร่วมกัน (โดยการทำคีโมและถือโอกาสนั้นมีความสุขกับเวลาที่เราจะได้อยู่ร่วมกัน) แต่โชคร้าย หลังจากที่อยู่ที่บ้านแม่ของเธอได้เพียงคืนเดียว เราก็ต้องรีบไปโรงพยาบาล และได้รับทราบข่าวว่า มะเร็งนั้นลุกลามไปในขั้นที่น่ากลัว

ระหว่างที่อยู่ในโรงพยาบาล เอมมาไม่เคยหมดสิ้นความหวัง ในขณะเดียวกันก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อความเป็นจริงว่าโอกาสอันริบหรี่นั้นไม่เข้าข้างเรา สุขภาพของเธอทรุดลงอย่างรวดเร็ว แต่ความมุ่งมั่นและกำลังใจของเธอไม่เคยหยุดทำให้ผมอัศจรรย์ใจ แม้กระทั่งในวาระคับขัน เอมมาก็ยังคุยถึงไอเดียว่าโครงการควรจะเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไรและองค์กรที่เราร่วมกันก่อตั้งขึ้นจะสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ๆในระดับนานาชาติได้อย่างไร เธอตั้งใจที่จะทิ้งไอเดียเหล่านั้นไว้ให้ผม เพื่อว่าวันหนึ่ง ความคิดประดามีของเธอจะได้แตกหน่องอกงามเป็นความจริง

ในช่วงวันสุดท้าย (สัปดาห์ที่แล้ว) เราย้ายไปพักอยู่ที่บ้านพักผู้ป่วยระยะสุดท้ายในโรงพยาบาล ที่นั่นเอมมาพูดถึงพี่แขและทีมของเรา เมื่ออยู่กับพยาบาลกะกลางคืน เธอพูดถึงผมกับเอลลา และพูดถึงความฝันของเธอ ซึ่งจะเป็นเรื่องเดิมที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกคืน เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามที่ว่า เมื่อเธอจากเราไป..ลูกสาวกับผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร

งานศพจะมีในวันเสาร์หน้า แต่สำหรับท่านที่มางานนี้ไม่ได้ เอมมาขอร้องให้จัดงานอีกครั้งหนึ่ง (อาจเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ) เป็นงาน "ปาร์ตี้" รำลึกถึงเธอ เพื่อให้คนได้มาพบปะกัน สนุกสนานและทำความรู้จักกัน โปรดติดต่อผมถ้าคุณอยากมาร่วมงานหนึ่งในงานทั้งสอง สำหรับปาร์ตี้รำลึกถึงเธอ ผมจะจัดการประสานงานให้ได้เวลาที่สะดวกที่สุดสำหรับท่านที่ประสงค์จะมาร่วม และโปรดระลึกไว้ว่า ข้อกำหนดเรื่องการแต่งกายเพียงประการเดียวที่เราอยากจะแนะนำคือ โปรดอย่าสวมชุดไปงานศพ

วันนี้ 22 พฤศจิกายน คือวันครบรอบแต่งงานปีที่ 10 ของเรา และผมคิดถึงเธอ

ด้วยความนับถือ
อรรถ

สวัสดีตอนสาย(อีกครั้งสำหรับวันนี้)จ้ะ
สาวชาวสวน

ไม่มีความคิดเห็น: