วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2550

คนรักของเทรซี่


หวัดดีตอนค่ำจ้ะ เจ้าหญิงน้อย

วันนี้ทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว รู้สึกเพลียมากทีเดียว เหมือนนอนไม่ค่อยพอ อากาศหนาวมากตอนกลางคืนน่ะจ้ะ เลยทำให้หลับไม่ค่อยสนิท และตื่นมาไออยู่พักใหญ่ รู้สึกว่าช่วงนี้ร่างกายอ่อนแอมากเลย ก็เพราะหวัดที่เป็นแล้วไม่หายเสียทีนี่แหละจ้ะ บวกกับอากาศที่มันเปลี่ยนแปลงด้วยมั้ง

แต่ก็..ยังแข็งแรงกว่าเจ้าหญิงหน่อยนึงมั้งจ๊ะ เพราะอัพเดทแต่ละวันทีไร ก็จะมี..ปวดหัว ปวดคอ ปวดกราม ปวดตา ฯลฯ สลับกันไปไม่เว้นแต่ละวัน.. เราขอให้พ้นช่วงนี้ไปก็พอแล้วนะ อาการป่วยไข้..

อืมม์ วันนี้เล่าให้หนูน้อยฟังเรื่องเทรซี่ แช็ปแมนกับคนรักของเธอดีกว่า คือสรุปว่า เทรซี่นี้เป็นคนที่ค่อนข้างมีโลกส่วนตัวมากทีเดียว ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเรื่องส่วนตัวสักเท่าไร และข้อเท็จจริงที่ว่าเธอเป็นเลสเบี้ยนหรือไม่ ก็ไม่เป็นที่เปิดเผย มีแต่คนคาดเดากันไปต่างๆนานานะจ๊ะว่าเธอเป็น ช่วงหนึ่ง มีข่าวลือว่าเทรซี่เป็นคนรักของ อลิซ วอล์คเกอร์ ที่เป็นนักเขียนรางวัลพูลิตเซอร์เรื่อง "เลือดสีม่วง" The Color Purple น่ะจ้ะ และมีครั้งหนึ่ง ที่มีข่าวลือออกมาอีกว่า เทรซี่ได้เอาเงินประมาณ 6 หมื่นเหรียญสหรัฐไปให้กับลูกสาวของอลิซ วอล์คเกอร์เพื่อให้เอาไปเปิดร้านอะไรสักอย่างทำธุรกิจส่วนตัว

เรื่องนี้คงเป็นข่าวลือไปอีกนานนะ เราอ่านเจอในเว็บ the Guardian เมื่อปลายปีที่แล้ว อลิซ วอล์คเกอร์ออกมาให้สัมภาษณ์น่ะจ้ะ แล้วก็สารภาพว่าเรื่องที่เคยเป็นคนรักของเทรซี่ แช็ปแมนเป็นเรื่องจริง เล่นเอาฮือฮากันไปทั้งวงการเลย

ตอนนั้นมีคนไปสัมภาษณ์อลิซในเรื่องชีวิตและงานทั่วๆไป ก็ถามถึงเรื่องนี้ด้วย ว่าคนทั่วไปก็ยังสงสัยติดค้างเรื่องความรักของเธอกับเทรซี่ในช่วงกลางทศวรรษที่ 90 คนสัมภาษณ์บอกว่า พอเอ่ยถึงเทรซี่ ใบหน้าของอลิซก็สว่างขึ้นมาทันทีแล้วบอกว่า "ใช่แล้ว ฉันรักช่วงเวลาเหล่านั้นมาก" คนถามถามต่อว่า ทำไมช่วงนั้นเรื่องถึงปิดเงียบนัก เธอตอบว่า "มันคงเงียบเพราะคุณไม่ได้อาศัยอยู่แถวๆบ้านเรา" อลิซบอกว่าได้เขียนถึงความสัมพันธ์ครั้งนี้เก็บไว้ในบันทึกส่วนตัวด้วย ซึ่งเธอมีแผนที่จะตีพิมพ์มันสักวันหนึ่ง แต่ทั้งอลิซและเทรซี่ก็ไม่ได้คิดจะใช้เรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวเองออกมาเปิดเผยเพื่อรณรงค์ส่งเสริมความสัมพันธ์แบบทางเลือกในสังคมเหมือนคู่รักเลสเบี้ยนคู่อื่น ๆ อลิซบอกจ้ะว่า

"ฉันไม่มีวันที่จะทำอย่างนั้น ชีวิตของฉันไม่ใช่สิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตคนอื่น และความสัมพันธ์ก็แสนหวาน น่ารักและแสนวิเศษ ฉันมีความสุขกับช่วงเวลาเหล่านั้นมาก แล้วฉันก็ตกหลุมรักเธออย่างสมบูรณ์ในตอนนั้น แต่มันไม่ใช่ธุระของใครอื่นนอกจากเรื่องส่วนตัวของเรา"

ปีนี้อลิซอายุ 62 ปีแล้ว แต่ก็ยังดูสาวอยู่มากทีเดียวจ้ะ (ดูรูปสิ) อายุมากกว่าเทรซี่ก็ประมาณ 20 ปีได้นะ โอ..เซ็กซี่จังมีแฟนเด็กกว่าตั้งเยอะ แล้วก็ยังไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดทำงานนะ เธอให้สัมภาษณ์ว่า "ในวัฒนธรรมที่คนต้องเลิกทำงานเมื่ออายุหกสิบ คนเหล่านี้ก็จะกลายเป็นปราชญ์ แต่ในเกาหลีใต้ พวกเขาเชื่อว่าเมื่อคุณอายุหกสิบ คุณก็จะกลายเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น ช่วงชีวิตที่เหลือ จึงควรเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนาน มีความสุข และคนอื่นๆควรปล่อยให้เราทำอะไรได้ตามใจชอบ ฉันคิดว่านี่เป็นความคิดที่ฉลาดสุดยอด มันคือความเข้าใจอย่างเป็นยุทธศาสตร์ว่าคุณควรจะได้พักผ่อนและทำอะไรตามใจชอบอย่างเต็มที่ "

พูดถึงอลิซ วอล์กเกอร์หน่อยนึงก็แล้วกัน คือเขาเป็นไบเซ็กช่วลมั้งนะจ๊ะ ตอนสาวๆแต่งงานกับผู้ชายและมีลูกเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องงานเขียนนั้น ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดก็คือเรื่อง "เลือดสีม่วง" นั่นแหละจ้ะ พิมพ์ถึง 5 ล้านเล่ม 25 ภาษา ซึ่งตอนที่แปลเป็นภาษาไทย แปลโดย อัครมุนี ซึ่งเราไม่ได้อ่าน เพราะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสนุก แต่ได้ดูหนังน่ะจ้ะ ตอนหลังมีคนเอาไปทำเป็นละครบรอดเวย์ด้วยนะ แต่หลังจากเล่มนั้นมาแล้ว หนังสือเล่มอื่นๆก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรน่ะจ้ะ เหมือนเขียนตามใจผู้เขียนมากกว่า

จำได้ว่าเคยอ่านเล่มหนึ่งของอลิซ ซึ่งชื่อหนังสือเพราะมาก ชื่อว่า "Possessing the Secret of Joy" แปลว่า การได้ครอบครองความลับแห่งความเบิกบาน ประมาณนี้น่ะจ้ะ แต่เรื่องเครียดนิดหน่อย เราเลยอ่านได้ไม่จบน่ะจ้ะ เป็นเรื่องของผู้หญิงอาฟริกันคนหนึ่งที่อพยพมาอาศัยอยู่ในอเมริกา ทีนี้ผู้หญิงคนนี้เขามาจากวัฒนธรรมที่มีการขลิบอวัยวะเพศของผู้หญิง (ส่วนที่เป็นคลิตอริสน่ะจ้ะ) แล้วพอมาอเมริกานี่บ้านแตกสาแหรกขาด พ่อแม่ก็ไม่อยู่บ้านเกิดก็ไม่มีให้กลับ เขาก็เลยเกิดความทุกข์และต้องหาหาอะไรบางอย่างมาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อไม่ให้รู้สึกว่าตัวเองไร้ราก ก็เลยตัดสินใจไปขลิบอวัยวะเพศออก แล้วก็ประสบปัญหาทางจิตใจมากมายจนใกล้ๆจะเป็นบ้า (มั้ง จำไม่ค่อยได้จ้ะ) พอดีอลิซให้สัมภาษณ์ว่า เขียนเรื่องนี้เพราะ ต้องการพูดถึงผู้หญิงที่ไม่เท่าทันกับสังคมและความเป็นไปในโลก ทำให้ในที่สุดต้องทำร้ายตัวเองเพียงเพื่อจะแสวงหาความเป็็นตัวตนหรือความเป็นใครคนหนึ่งที่มีที่ทางในโลกนี้ แล้วบอกว่า เปรียบเสมือนกับผู้หญิงที่รู้สึกว่าจะต้องใส่รองเท้าส้นสูงเพราะเชื่อว่าจะทำให้ตัวเองดูดีมาก เซ็กซี่มาก ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันเป็นอันตรายต่อสุขภาพเท้าอย่างยิ่งยวดน่ะจ้ะ

เราคิดๆอยู่ว่า อยากจะกลับไปอ่านหนังสืออะไรที่เคยอ่านเมื่อหลายปีก่อนแล้วอ่านไม่จบดูใหม่อีกครั้ง เพราะเราอาจจะต้องอาศัยวัยวุฒิและความเข้าอกเข้าใจในโลกและชีวิตในระดับหนึ่งก่อนที่จะเข้าใจเรื่องราวบางอย่างได้อย่างลึกซึ้งขึ้นน่ะจ้ะ ซึ่ง..ในวันนี้..ปีนี้ สำหรับเราเวลานั้นมันอาจจะมาถึงแล้วก็ได้ อย่างที่บอกน่ะจ้ะ เราชอบตัวเองตอนที่แก่ตัวลงมากกว่าตอนสาวๆด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น ยอมรับความจริงได้มากขึ้น ปล่อยวางมากขึ้น ขำกับชีวิตได้มากขึ้น แล้วก็..อ่านหนังสือได้รู้เรื่องมากขึ้นด้วยนี่แหละจ้ะ

ก็...พร่ำเพ้อมาเยอะอีกตามเคย วันนี้รู้สึกเหนื่อยจังและอยากนอนยาวๆให้ได้พักเต็มที่นะ (แต่ไ่ม่รู้จะหลับลงหรือเปล่า) พรุ่งนี้..เราอาจจะสบายๆ และอาจหาโอกาสมางีบหลับหรือทำงานเงียบๆในห้องตอนกลางวันได้บ้างนะ หวังว่า

เจ้าหญิงดูแลตัวเองนะจ๊ะ เราจะไปพักผ่อนแล้ว
สาวชาวสวน

ไม่มีความคิดเห็น: