วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Even if it kills me- I’m going to smile

"I'm going to smile and make you think I'm happy,
I’m going to laugh, so you don’t see me cry,
I’m going to let you go in style,
and even if it kills me- I’m going to smile"

วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

สวนที่สวยนั้นต้องการความทมิฬในหัวใจอย่างไม่น่าเชื่อ

"คุณไม่เชื่อเลยเหรอว่าผมจะคิดถึงคุณ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะสุข หรือทุกข์ คุณจะอยู่ในใจผมเสมอ คุณจะเชื่อหรือเปล่าว่า แม้ผมจะไม่โทรหาคุณ แม้เราจะไม่พบกัน แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่คิดถึงกัน" ฉันหัวเราะเสียงดังทีเดียวเมื่อเธอพูดประโยคนี้

"เวลาคุณจุดธูปบอกคนที่ตายไปแล้วว่า คุณนึกถึงเขาอยู่เสมอ คุณเอาอาหารที่เขาชอบใส่ถาดไปวัด เอาพระมาสวด กรวดน้ำ แล้วคุณก็สบายใจว่า คุณได้ทำอะไรบางอย่างแก่คนที่ไม่มีอยู่ในโลกของคุณอีกต่อไป ทั้งหมดนี้ คุณไม่ได้ทำเพื่อคนตาย แต่คุณทำลงไปเพื่อตัวคุณเองที่ยังมีลมหายใจ ทำเพื่อไถ่โทษ ทำเพื่อให้รู้สึกผิดน้อยลง เหมือนกันกับที่คุณบอกฉันว่า "เชื่อเถอะ ว่าผมคิดถึงคุณ" บอกตามตรงว่าฉันไม่เชื่อ ถ้าคิดถึงฉันก็โทรมา ขับรถมาหา อย่าทำแค่จุดธูปแล้วนั่งภาวนาอยู่กับบ้านเพียงจะซื้อความรู้สึกผิดทิ้ง"

...
...
ลมแล้งใบดกหนาจนมองไม่เห็นรูปทรงของลำต้น และฉันก็ลังเลที่จะเล็มใบที่แตกเป็นพุ่มนั้นออกเสียบ้าง ด้วยนึกถึงยามที่มันแร้นแค้น และถูกหนอนกัดกินเสียจนไม่มีโอกาสเติบโต เถาของเงินไหลมาก็ขึ้นคลุมหางนกยูงเสียจนเสียสง่าราศี กระนั้ มันก็ช่วยรักษาความชื้นที่โคนต้น และหางนกยูงที่พิกลพิกาลก็มีอาหารดีขึ้นตามลำดับ

"ไม่ตัดใบทิ้งเสียบ้างจะไม่เห็นดอกนะ"

ฉันตัดใบลมแล้งที่อยู่เรี่ยพื้นทิ้งเสียมากมาย จนเริ่มเห็นทรวดทรงงดงามของมัน ใบที่ถูกตัดทิ้งอาจก่นด่าและน้อยใจ "ทำไมถึงเป็นฉัน ทำไมไม่เป็นอีกใบหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ ฉัน ทำไมไม่เป็นอีกใบหนึ่งที่อยู่ข้างบนฉัน" ใช่บางทีเราก็ตั้งคำถามกับตัวเองอย่างนี้ "ทำไมถึงเป็นฉันที่เธอเลือกจะตัดออกไปจากชีวิต"

เถาเงินไหลมาก็ถูกทึ้งถอนออกไปเกือบครึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป และเมื่อหางนกยูงยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง เถาเงินไหลมาก็หมดหน้าที่ และสร้างความรำคาญตาเกินกว่าจะปล่อยให้มันเติบโตต่อไปไร้การควบคุม

สวนที่สวยนั้นต้องการความทมิฬในหัวใจอย่างไม่น่าเชื่อ

(ลมแล้งฤดูร้อน ของฮิมิโตะ ณ เกียวโต นิตยสารอิมเมจ ต.ค. ๕๑)

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ใจในร่างกายกลับไม่เจอ

เหตุใดจึงยึดเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อปีที่แล้วเพียงปีเดียว เดี๋ยวเดียว เป็นหลักที่จะดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้า ซึ่งยังมีอีกยาวไกล

ขอให้หนูหวนไปคิดถึงชีวิตที่ผ่านมาตลอด ก่อนจะถึงปีที่แล้ว ว่าหนูมีความสุขเพียงใด เคยทุกข์เคยเบลออย่างนี้มั้ย

สิ่งใดที่ทำลงไปแล้วมีความสุขสบายใจ แสดงว่าสิ่งนั้นเป็นกรรมดี สิ่งใดที่ทำลงไปแล้ว นำความทุข์วุ่นวายมาให้ทั้งกายและใจ ให้คิดว่าสิ่งนั้นเป็นกรรมไม่ดี

Life is too short to wake up with regrets.
Love your husband, who treats you right.
Forget about the ones who don't.

วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ตราบจนบัดนี้

Even Now ร้องโดย Barry Manilow

ตราบจนบัดนี้
แม้เมื่อมีใครคอยห่วง
เมื่อมีใครบางคนรอเพียงฉันอยู่ที่บ้าน
ตราบจนบัดนี้..ฉันยังคิดถึงเธอขณะเดินขึ้นบันได
และสงสัยว่าจะทำอย่างไรเพื่อที่เขาจะได้ไม่เห็น...
ว่าตราบจนบัดนี้
ขณะที่ฉันรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง
และฉันได้พบชีวิตที่ดียิ่งกว่าที่เราเคยมี
ตราบจนบัดนี้ ฉันยังคงตื่นขึ้นมาร้องไห้กลางดึก
และไม่อยากเชื่อเลยว่ามันยังคงเจ็บมากเหลือเกิน

ตราบจนบัดนี้ แม้เมื่อฉันมาไกลแล้ว
ฉันยังพะวงหาว่าเธออยู่ที่ไหน
ยังคงอัศจรรย์ใจ..ว่าทำไมเมื่อไม่มีเธอ ทุกอย่างช่างยากเย็นนัก
ตราบจนบัดนี้ เมื่อฉันก้าวไปอย่างเปล่งประกาย
สาบานได้ว่ายังนึกถึงเธอ
และอยากให้เธอรู้เหลือเกิน
ตราบจนบัดนี้

ตราบจนบัดนี้
แม้เมื่อฉันไม่ได้ยินชื่อของเธอ
และโลกก็เปลี่ยนแปลงไปมากมายนับตั้งแต่เธอจากไป
ตราบจนบัดนี้ ฉันยังคงจำได้ และความรู้สึกยังคงเป็นเช่นเดิม
และความเจ็บปวดข้างในฉัน..ยังดำเนินต่อไป..ต่อไป
ตราบจนบัดนี้

Even Now
when there's someone else who cares
when there's someone home who's waiting just for me
even now I think about you as I'm climbing up the stairs
and I wonder what to do so she won't see
that even now
when I know it wasn't right
and I found a better life than what we had
even now I wakeup crying in the middle of the night
and I can't believe it still could hurt so bad

CHORUS:
even now
when I have come so far
I wonder where you are
I wonder why it's still so hard without you
even now
when I come shining through
I swear I think of you and how I wish you knew
even now

even now
when I never hear your name
and the world has changed so much since you been gone
even now
I still remember and the feeling's still the same
and this pain inside of me goes on and on
even now

มันคือทั้งหมดในวันหนึ่ง เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต

สำหรับเธอ
มันก็แค่ทั้งหมดในวันหนึ่ง
วันหนึ่งของชีวิต
มันคือทั้งหมดในคำนั้น
คำนั้นคือ..ลาก่อน

สำหรับฉัน
มันคือทั้งหมดที่เธอกล่าว
เธอพยายามจะเมตตา
มันคือทั้งหมดในถ้อยคำ
จากริมฝีปากที่เคยสัมผัสปากของฉัน..ด้วยการทอดถอนใจ
ลาก่อน

สำหรับเธอ
มันคือทั้งหมดในใบหน้า
เสียงหัวเราะและริ้วรอยกังวล
มันคือทั้งหมดในคำพูด
ที่เธอหวังว่าจะทำให้เธออ่อนเยาว์ลงอีกครั้ง
ลาก่อน

มันคือทั้งหมดในบทละคร
ใครบางคนเอ่ยบทพูด
มันคือทั้งหมดในคำหนึ่ง
ซึ่งหยุด..และขโมยเวลา
ลาก่อน
ลาก่อน
ลาก่อน

สำหรับฉัน
มันคือทั้งหมดในวันหนึ่ง
เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
คือทั้งหมดในหนึ่งคำ
แด่โชคชะตาและสถานการณ์อันถอดถอน
ลาก่อน

It's all in the words from the lips that once touched mine

For you
It's all in a day
One day in a life
It's all in the one word
The one word is goodbye

For me
It's all in what you say
You've tried to be kind
It's all in the words
From the lips that once touched mine with a sigh
Goodbye

For you
It's all in your face
The laugh and worry lines
It's all in the word
You hope will make you young again
Goodbye

It's all in the play
Someone speaks the line
It's all in the one word
That stops and steals the time
Goodbye
Goodbye
Goodbye

For me
It's all in a day
It's the part in life
It's all in the word
To fate and circumstance resigned
Goodbye

(Goodbye, Tracy Chapman)

ความเศร้าในชีวิต

สวัสดีความเศร้า
สวัสดีความว้าเหว่
ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตฉัน

ยังไม่รู้เลยว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปกับพวกเธออย่างไร

วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2551

อาการป่วยไข้

เมื่อความป่วยไข้มาเยือน
ร่างกายจึงไร้เรี่ยวแรง เมื่อจิตใจไร้พลังงาน
การเดินทางหรือ..ช่วยเยียวยาจิตใจ? ไม่ใช่เลย แต่บั่นทอนร่างกายให้อ่อนแอลง

กลับจากเดินทางลงใต้ แล้วขึ้นเหนือ
ระดูมาพอดี จึงล้มป่วย
ปวดท้องมาก ๆ ทั้งที่ไม่ค่อยปวด
ตั้งใจว่าจะเก็บของเพื่อย้ายบ้านในวันหยุดนี้
แต่แล้วทั้งแรงกายและแรงใจจึงไม่เหลือ
ฉันจึงนอนซมอย่างไร้เรี่ยวแรง
ใจก็กังวลถึงงานที่ต้องทำให้เสร็จ

สามีบอกเงียบ ๆ ว่า..ยังไม่ต้องไปหรอก..
พักให้หายก่อน
ฉันจึงนอนน้ำตาไหล จนหลับไป..

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2551

หัวใจเจ็บแต่เช้า

ตื่นเช้ามาก็เจ็บ
เสียใจไม่เลิก ไม่หาย
ถึงจะคอยบอกตัวเองว่าจะรู้สึกอะไรไปทำไม
วันนี้เธอไม่รักฉันแล้ว

(อืมม์ ปีที่ผ่านมาไร้ความหมาย
อดีตเธอจะรักหรือไม่ วันนี้ไม่สำคัญ
เพราะวันนี้ไม่รักแล้ว)

แต่มันเสียใจมากจัง

ไม่รักกันก็ไม่ห่วงไม่คิดถึงจะดีกว่าไหม
เพราะมันทำให้เสียใจมาก

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2551

อาลัยรัก

ฉันโหยหาอ้อมกอดใคร
ฉันอาลัยรักของใคร
ที่ไม่ใช่ของคู่ชีวิต
ผู้นอนอยู่ข้างเคียง
บนเตียงสมรส

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2551

อาลัยรัก..

ฉันหลั่งน้ำตา
ทุกคืน
คิดถึงคนรัก
อาลัยรัก
หวนคะนึงถึงอ้อมกอด
อนิจจา
เยื่อใยปรารถนาที่ตัดไม่ขาด
ฉันโอบกอดตัวเองทุกคืน
หลับตาฝันถึงเสน่หาที่ไม่อาจได้มาในความเป็นจริง
ปรารถนาอันรวดร้าว
ทอดถอนใจไปพร้อมกับเสียงสะอื้น
และหลับไปกับน้ำตา
ทุกคืน
บนเตียงสมรส..

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เตือนสติ

หนูทำบุญด้วยอะไร ถึงได้สามี ดีอย่างนี้ ดีจนภรรยาไม่เห็นคุณค่า เห็นผู้หญิงที่ไม่ถนัดเรื่องรัก ถนัดแต่เรื่องเซ็กส์ดีกว่า เห็นผู้หญิงที่นอนกับคนที่ไม่รักก็ได้ดีกว่า

แฟนคือคนที่เรารัก ชอบ อาจนอนหรือไม่นอนด้วยกันก็ได้ สามีคือคนที่เราตกลงปลงใจแต่งงานด้วย ถูกต้องตามกฎหมาย มีสิทธิ์ที่จะมีเซ็กส์กับเราได้ตามกฎหมาย เธอบอกให้หนูเลิกนอนกับสามี เพราะเธอหวง เธอทำอย่างนั้นไม่ได้ สถานภาพและสิทธิ์ของเธอไม่เหมือนกับสามีของหนู หนูห้ามเธอไม่ให้นอนกับผู้หญิงคนนั้นหรือกับผู้หญิงคนอื่นๆ ได้หรือเปล่า ไปเชียงใหม่ หนูยังเป็นบุคคลที่สามในบ้านของเธอ

หนูต้องเอาชนะใจที่ดิ่งลง จมในความหลงออกมาให้ได้ ถ้าหนูไม่รักสามี ไม่อยากอยู่กับเขา จงกล้าหาญ เลิกออกมา และ ให้อิสรภาพสามีที่จะไปมีคนอื่น ที่รักเขา และดูแลเขา ไม่ปันใจให้คนอื่นอย่างหนู แต่หนูไม่กล้าทำ เพราะหนูรักตัวเอง รักความสุข ความอบอุ่น ความใจดี มีน้ำใจที่สามีมอบให้ โดนหนูตอบแทนเขากลับไปน้อยมาก

ตอบแทนด้วยความไม่รัก ไม่สเน่หา ด้วยการขอเลิก ด้วยการจะไม่นอนกับเขา แต่จะนอนกับผู้หญิงคนอื่น ที่บังอาจห้ามภรรยาไม่ให้นอนกับสามีที่ตกแต่งกันตามกฎหมาย โดยที่ตัวเธอเองก็ไม่ได้รักเดียวใจเดียวกับหนู พี่เห็นด้วยกับสามีของหนูว่า หนูทำได้ทั้งสองทาง คือเลิกกับสามี หรืออยู่กันแบบเพื่อนแบบที่สามีบอก ซึ่งไม่แฟร์กับเขา ผู้ชายดีๆอย่างเขา น่าจะมีเมียที่ทะนุถนอมเขานะคะ ถ้าจะอยู่กับเขา ก็อยู่ให้ครบ เพื่อความสุขของเขาด้วย ไม่ใช่ความสุขของเราคนเดียว

ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้รักหนูจริงจัง เขารักคนอื่นแล้ว แต่เขามีเซ็กส์กับหนูได้ เพราะนั่นเป็นความสามารถเฉพาะตัวของเขา

สามีก็ยังอุตส่าห์ห่วงว่า ไปจากเขา แล้วใครจะดูแลหนู คนเราจะเอาทุกอย่างไม่ได้ จะให้คนอื่นเป็นฝ่ายเสียสละเพื่อเราอยู่ข้างเดียวไม่ได้หนูจะให้สามี ให้ ให้ และ ให้ อยู่ข้างเดียว (เหมือนเดิมทุกอย่าง) แต่หนูไม่ให้ตอบ ไม่ให้รัก ไม่ให้สเน่หา (เหมือนที่เป็นมา)

พี่ว่าเห็นแก่ตัวนะคะ ใจดำอีกต่างหาก คนสวยอย่าใจดำนะคะ ต้องกล้าหาญ กล้าเลือก กล้าเสียสละเพื่อคนที่ดีกับเรามาก ๆ ความเป็นผู้ใหญ่ของเรา วุฒิภาวะของเรา คือการเสียสละเพื่อคนที่ดีกับเราได้

ถ้าทำไม่ได้ พี่ขอแนะนำ ทางใครทางมันค่ะ ยุติธรรมกับทุกฝ่าย

พี่เป็นกำลังใจให้นะคะ

วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2551

วันนี้หัวใจยังเจ็บ

วันนี้หัวใจมันเจ็บ
ฉันรู้สึกแปลกใจไม่น้อย ที่เมื่อเอามือแตะตรงหน้าอก รู้สึกได้ถึงความเจ็บ
ปวดแปลบ
มันเจ็บจังเลย
อยากร้องไห้จังเลย
ได้รู้แล้วว่า บางทีที่คนเราเจ็บ
มันเจ็บจริงๆ อย่างนี้
เจ็บอย่างนี้
อยากร้องไห้..อย่างนี้

วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ลึกลึกแล้ว ไพวรินทร์ ขาวงาม

ลึกลึกแล้ว-ไพวรินทร์ ขาวงาม

ลึกลึกแล้วเธอเศร้า
ยังเก็บงำความเหงาไว้เงียบสงบ
แต่วงแก้วแห่งแววตาคราฉันพบ
ลำแสงเศร้าในเงาพลบก็ส่องเธอ

ลึกลึกแล้วเธอร้องไห้
ซ่อนรอยยิ้มพิมพ์ในใบหน้าเสนอ
หนึ่งธารน้ำซึ่งใจเธอค้นเจอ
คือธารน้อยนิ่งเอ่อในห้วงใจ

ลึกลึกแล้วเธอขลาด
ด้วยฉายแววเผลอหวาดระแวงไหว
แม้ประตูถูกปิดมิดชิดไว้
เสียงลี้ลับภายในก็กังวาน

ลึกลึกแล้วเธออ่อนแอ
หากไม่พร้อมยอมแพ้ในทางผ่าน
ยังหยัดเงียบเรียบง่ายในการงาน
ยังสะสมแก่นสาร เดินทางไกล

ฉันอาจผิดที่คิดว่า
จะเก็บดวงดาริกาให้เธอได้
จะซับหยาดน้ำเศร้า จะเข้าใจ
จะปลูกมวลดอกไม้ในสวนมวล

จะอยู่แกร่งแข็งกว่าหินผาอยู่
จะฉ่ำพรมกว่าลมรู้ฤดูหวน
จะมั่นคงในค่าที่ว่าควร
จะเป็นหนึ่งในจำนวนมิอาจนับ

อนิจจา ชีวีที่เคลื่อนไหว
สิ่งที่จับต้องได้ก็แตกดับ
สิ่งที่เป็นเพียงฝันก็ล่องลับ
สะดุ้งตื่นขึ้นจากหลับด้วยฝันร้าย

ฉันรู้สึกผิดบาป สารภาพว่า
ฉันเผลอให้ดาริกานั้นตกหาย
ฉันเฉยเมย ละเลยน้ำตา ที่หยาดพราย
และอับจนถึงต้องขายดอกไม้ไป

เป็นหินผาที่เศร้าโศก
เป็นสายลมห่มโลกที่ป่วยไข้
มีคุณค่าสักธุลีก็ลี้ไกล
มีนิ่มเนื้อก็ซ่อนในเกราะกำบัง

เกราะกำบัง ฉันสร้างจากความขลาด
ยอมให้เหล็กแข็งคาดนั้นกักขัง
เพื่อปลอดภัยในกำแพงแห่งความชัง
และเสรีในรวงรังเฉพาะตน

ฟังสิ ความเงียบใคร
เปลี่ยวชำแรกแทรกไปในทุกหน
อึกทึกกึกก้องทั้งมณฑล
สะท้อนใจไหวเสียจนระทึกใจ

ถ้าเธอถามฉันว่า
จะเก็บดวงดาริกามาอีกไหม
คงต้องตอบเธอว่า – ฟ้านั้นไกล
ฉันมิเคยก้าวไปพ้นตัวเอง

ลึกลึกแล้ว ฉันรู้สึก
ว่าชีวิตลึกลึกถูกข่มเหง
จะวุ่นวาย อ้างว้าง จะวังเวง
จะขับเพลงสักเพลงยังผิดใจ

ฟังสิ นี่คำสารภาพ
ผิดทุกผิด บาปทุกบาป หรืออาจไถ่
แอบฝันตามแววตาเธอคราใด
ฉันก็แล้งเกินไป จะลึกซึ้งฯ

ไพวรินทร์ ขาวงาม แต่ง ๒๕๓๐ รวมเล่ม ฤดีกาล ๒๕๓๒