วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ฤดูกาลของสาวส้ม

นี่ฉันอยู่กรุงเทพฯ ติด ๆ กันมาเข้าอาทิตย์ที่สามแล้ว อยากจะบอกว่ามีความสุขมาก ๆ ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น ๑. ได้ไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทำให้มีกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นมาบ้าง ๒. ได้สะสางงานเอกสารไปได้มากมาย จนบัดนี้ งานที่ค้างอยู่ก็น้อยลง ๆ ๓. ได้จัดบ้าน รวมถึงตู้เสื้อผ้าและห้องทำงาน (ที่บ้าน) ได้เป็นระเบียบเรียบร้อย หยิบจับอะไรก็ง่ายและงามตา ทำให้วันเสาร์อาทิตย์ของฉันเป็นวันหยุดจริง ๆ แบบที่ชาวบ้านเขามีกัน

เมื่อมาเปิดดูรูปเก่า ๆ ที่ถ่ายไว้เวลาเดินทาง จึงได้เห็นว่า อืมม์...จุดหมายปลายทางแต่ละที่มันงามตามแบบของมันจริง ๆ นะ แต่ความงามของการเดินทางมักถูกความเหนื่อยล้า การต่อเครื่องบิน การตกเครื่องบิน การอดนอน และการรื้อกระเป๋าซักผ้า ฯลฯ บดบังจนหมดสิ้น

ช่วงเวลาโปร่ง ๆ ที่ได้อยู่กับที่แบบนี้แหละจ้ะ ทำให้ตาสว่างมองเห็นความงามของการเดินทางขึ้นมาทันใด จึงเลือกรูปที่ถ่ายไว้เล่น ๆ จากทริปมาอวดเธอ

เกียวโต เดือนพฤศจิกายน ปี ๒๐๐๖

เคยมีเพื่อนฝรั่งบอกว่า เมื่อมาอยู่เมืองไทยสักพัก สิ่งที่รู้สึกว่าขาดหายไปและคิดถึงก็คือ “ฤดูกาล” เพราะเมืองไทยนั้นร้อน แดดออก ภูมิอากาศเป็นแบบเดิม ๆ และป่าเขียวครึ้มตลอดปีตลอดชาติ (หากเป็นป่าคอนกรีตก็จะเป็นสีเทาบวกแสงสีนีออนตลอดปีตลอดชาติ)

ประเทศที่มีฤดูกาลนั้น ถ้าเป็นฤดูหนาวก็จะขาวโพลน พอฤดูใบไม้ผลิดอกไม้ก็จะบานแข่งกัน ถ้าเป็นสวนซากุระก็จะชมพูพราว หากเป็นทุ่งลาเวนเดอร์ก็จะม่วงไสวไปสุดลูกหูลูกตา หรือไม่ก็เหลืองละออ หรือไม่ก็อาจจะเป็นดอกไม้เล็กใหญ่หลากหลายสีสันแบบในสวนกอเกินฮอฟ พอเข้าฤดูใบไม้ร่วง ไม้ก็จะเตรียมสลัดใบกลายเป็นสีโทนเหลือง ส้ม.. สีสันของฤดูกาลเหล่านี้ส่งอิทธิพลต่อสีสันของเสื้อผ้าในแต่ละซีซั่นด้วยไง

เกียวโตในฤดูใบไม้ร่วงนี้จึงเป็นฤดูที่เหมาะสมกับสาวส้มที่สุด ก็เพราะใบไม้มันจะกลายเป็นสีออกโทนเหลืองและส้มกันหมดไงจ๊ะ อากาศก็เย็น ๆ ใส่เสื้อหนาวให้อุ่น ๆ เดินดูใบไม้ร่วง หรือที่ยังเหลืองก่ำส้มก่ำคาต้น พอเหนื่อยก็แวะนั่งพัก กินขนมหรือกินน้ำชากาแฟอุ่น ๆ ก็สบายใจดี

ฤดูนี้นอกจากเราจะไปตื่นตาตื่นใจแล้ว คนญี่ปุ่นเองเขาก็ยังฮิตไปท่องเที่ยวกันด้วย ตามวัดโบราณทั้งหลายในเกียวโต ช่วงฤดูใบไม้สุกก่ำแบบนี้ จึงมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นไปเดินตื่นเต้นกับเราขวักไขว่ไปหมด ซึ่งมันก็ครึกครื้นไปอีกแบบนะจ๊ะ



ไม่มีความคิดเห็น: